หากยังจำกันได้ บนบรรณพิภพนี้เคยมีนิตยสารนาม 2B ลงมาจุติ
แน่นอนว่าทุกวันนี้ 2B ไม่ได้มีชีวิตอยู่บนแผงหนังสือมาเป็นเวลากว่า 10 เดือนนับจากวันที่เล่มสุดท้ายวางแผง ซึ่งเมื่อนับนิ้วบวกลบคูณหารกับจำนวนเล่มและเดือนปีที่ผ่านมา
วันเวลาเวียนบรรจบครบรอบ ไม่ทันไรก็ครบรอบ 1 ขวบปีพอดีเด๊ะที่ 2B เคยถูกวางขายบนแผง
และแน่นอนมันถูกส่งคืนมาในจำนวนที่ไม่ได้พร่องไปจากเดิมเลยซักนิดเดียว
……………..
…………….
มิถุนายน 51
ย้อนหลังกลับไปค่ำคืนวันหนึ่งของเดือนมิถุนายน ที่ม้าหินหน้าบ้านไอ้ยู ( กตัญญู สว่างศรี) เอ่อ….ม้าหินที่ว่านี่ผมหมายถึงชุดโต๊ะ+เก้าอี้หินอ่อนที่มีขายกันดาษเดื่อน ซึ่งแถวบ้านผมเรียกชื่อเล่นให้มันว่า ‘ม้าหิน’ ไม่ใช่หมายถึงม้าที่เป็นหินแต่ประการใด
กลับมาที่ม้าหินหน้าบ้านไอ้ยูอีกรอบ
คืนนั้นผมนัดแนะกับไอ้ยูเพื่อพูดคุยแชร์ไอเดียไว้เป็นข้อมูลในการทำนิตยสารเล่มนึงหลังจากที่ก่อนหน้านั้นผมได้โทรนัดกับมันไว้ล่วงหน้า
หลังจากที่ดวลวินนิ่งจนหน่ำใจ ที่สุดเราก็ได้เวลาคุยธุระกันเสียที
ผมเสนอโจทย์ว่าอยากทำหนังสือให้เป็นหนังสือสนุกๆอ่านง่าย ไม่ต้องหนักมาก ไม่ต้องเท่ เอางานง่ายสนุกๆไปเลย
อารมณ์ในตอนนั้นผมนึกถึงนิตยสารฮิฮิแมกกาซีนที่เพิ่งล่วงลับไปและนิตยสาร a day ที่ยังโล้ดแล่นอยู่
ผมอยากจับทั้ง 2 เล่มนี้มาผสมกัน ให้ออกมาเป็นนิตยสารที่ผมกำลังจะเป็นบรรณาธิการ
ได้โจทย์แล้วเราทั้งคู่ก็ขายไอเดียกันสนุกผมจดไปบ้างหลงลืมบ้าง
เนื้อหาถูกวางไว้คร่าวๆ ที่นี้มาถึงเรื่องชื่อหนังสือ ซึงยอมรับว่าผมไม่ได้คิดไว้เลย
“ GT ไหม General Teenage ไง คล้ายๆ GM กลุ่มเป้าหมายมึงคือวัยรุ่นไม่ใช่เหรอ”
ไอ้ยูขายไอเดียชื่อหนังสือ
“เออว่ะ” ผมเห็นด้วย ไม่ใช่ว่าคิดไม่ออกแต่เห็นด้วยจริงๆ
ผมจดชื่อหนังสือที่ไม่มีวันกำเนิดไว้ว่า GT แล้วเก็บไปเสนอในที่ประชุมพรุ่งนี้เช้าพร้อมกับเนื้อหา
และเราก็ดวลวินนิ่งกันต่อ
…………….
……………
กรกฏาคม 51
วันนี้ผมนัดคุยกับ พี่ชายในวงการหนังสือ ซึ่งผมยกให้พี่แกเป็นรุ่นพี่ที่ผมโครตจะเคารพมากๆคนนึง
บนโลกมนุษย์เค้าคือ พี่ เอ (ธวัชชัย คิดอ่าน) หรือ บก. เอ อดีตบรรณาธิการนิตยสาร ฮิฮิแมกกาซีน หนึ่งในนิตยสารต้นแบบของนิตยสารผม พี่เอให้คำชี้แนะที่ดี ซึ่งผมก็น้อบรับและนำมาปรับใช้เพื่อปรับสร้างเนื้อหาให้กับนิตยสารไร้ชื่อเล่มนี้ หลังจากวันนั้นและวันต่อๆมาผมมักแวะเวียนไปหาไอ้ยุและพี่เออยู่เสมอเพื่อพูดคุยเรื่องหนังสือเล่มนี้ โดยที่ผมคิดไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าผมจะชวนทั้งสองคนมาร่วมสนุกกับหนังสือเล่มนี้แน่นอน
……………
…………..
ตุลาคม 51
หลายเดือนที่ผ่านมาผมใช้เวลาหมดไปกับการนั่งๆนอนๆกินเงินเดือนเฉยๆ พร้อมกับช่วยบริษัท
ประกอบหุ่น แอคชั่นฟิกเกอร์ BoydPod , Groove Rider ( อนึ่ง บริษัทที่ดุแลผมนั้นเป็นบริษัทลูกของนายทุนซึ่งมีหน้าที่ผลิตสินค้าพรีเมียม แพ็คแกจ รวมถึงผลิตของเล่น แต่เหตุที่ถูกสั่งให้มาดูแลผมทำนิตยสารเพราะอะไรไม่ทราบ) การถูกสั่งให้มาช่วยโรงงานประกอบหุ่นยนต์บ้าบอ มันทำให้ผมเซ็งในระดับ 8.7 ริกเตอร์ จนเผลอคิดที่จะลาออกไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้ใกล้งานทำหนังสือเลยสักนิด
ถึงแม้ผมจะกำหนดตัวดัมมี่ ( หมายถึงเค้าโครงร่างของนิตยสาที่ระบุรายละเอียดไว้ทุกหน้าเช่นหน้า 18 คืออะไร มีเนื้อหาอย่างไร) เสร็จสรรพตั้งแต่ช่วงเดือนกรฏาคมแล้ว ก็ตามแต่เบื้องบนก็ยังไม่เคาะซะที
กระทั่งเดือนตุลาหลัง ในที่สุดเบื้องบนก็อนุมัติให้ทำ ดัมมี่ถูกอนุญาต ส่วนชื่อหนังสือ นั้นถูกสั่งให้ใช้ชื่อ ‘ 2B : Upgrade Your Life’ ด้วยเหตุผล
“ชื่อหนังสือมันตรงกับชื่อบริษัทที่นายทุนจ้างมาเพื่อดูแลโปรเจ็คนิตยสารเล่มนี้”
สารภาพวตามจริงจนถึงวันนี้ผมก็ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่าสโลกแกนด์และชื่อหนังสือนั้นเกี่ยวข้อง
กันยังไง (วะ)
ฉะนั้นด้วยเหตุผลทางธุรกิจ 2B ตายตั้งแต่ชื่อนิตยสารแล้ว ซึ่งการที่หนังสือถูกตั้งด้วยชื่อนี้ แน่นอนผม
ไม่ยอมรับ เพราะมันไม่ได้สื่ออะไรถึงความเป็นนิตยสารเล่มนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
ผมก็ได้แต่ก็คิดว่า “ช่างมัน”
………………….
………………….
พฤศจิกายน 51
2B รับสมาชิกใหม่เข้ามา 3 คน หลังจากที่ผม กับพี่เป้ก บรรณาธิการบริหาร ฝ่ายประสานงานตั้งแต่นัดสัมภาษณ์ไปจนถึงขอหัวนิตยสารกับทางสันติบาล และมือวาดภาพประกอบประจำนิตยสาร อยู่โยงเฝ้าออฟฟิศร่วม 5เดือน
เริ่มจาก พี่เตย กราฟฟิคดีไซเนอร์จากนิตยสาร เธอกับฉัน จุ๋ม เพื่อนจากในชุมฃนสเปซ และ ไอ้ต้นเพื่อนจาก สวนดุสิตที่กำลังเบื่องาน
คนแรกไม่ได้ห่วงเพราะมีประสบการณ์การทำงานติดตัวมาแล้ว
ส่วนสองคนหลังไม่เคยมีใครมีประสบการณ์การทำนิตยสารมาก่อน ไอ้ต้นแม้จะผ่านงานเขียนที่มหาลัยอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้เก่งกาจถึงขนาดฝากฝีฝากไข้ได้ ส่วนจุ๋มเรื่องทักษะการเขียนหายห่วงแต่ประสบการณ์การทำนิตยสารนับได้เป็น 0 แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะผมเชื่อว่าทั้งคู่ทำได้
พร้อมๆกับที่ผมได้ชักชวน ทราย และ เอียว เพื่อนในชุมชนชาวสเปซเข้ามาแจมด้วยสนุกๆ หลังจากที่ทั้งสองแสดงความจำนงต์อยากรวมสนุกด้วย
เล่มแรกกองบรรณาธิการ 2B ตกลงทำธีมกางเกงยีนส์แทน
โดยจะมีสัมภาษณ์ใหญ่และขึ้นปกโดยวงดนตรีระดับตำนาน ‘โมเดิร์นด็อก’ เพราะ โมเดิร์นด็อก ไปทำโปรเจ็คร่วมกับ Lee ในการออกแบบยีนส์ ช่างเข้ากับธีมหนังสือเราทีเดียว โดยหวังว่าอานิสงฆ์ของเฮียทั้ง 3 จะทำให้ 2B ดังเปรี้ยงป้าง แล้วพี่เป้กก็เป็นธุระติดต่อกับทาง Lee เพื่อเป็นตัวกลางนัดแนะโมเดิร์นด็อกมาให้เรา
การที่พวกเราไม่มีความรู้เรื่องยีนส์เลยแม้แต่น้อย ครั้นจะเปิดอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลก็เกรงว่าเนื้อที่ทั้ง 24 หน้าที่เราวางไว้เพื่อบอกเล่าเรื่องยีนส์ แฟนพันธุ์แท้เท่านั้นจึงจะช่วยเราได้
แล้ว ไอ้ยู เพื่อนผู้พึงพาได้เสมอก็ช่วยนำเบอร์ของพี่วิโรจน์ ประคองศรี แฟนพันธุ์แท้กางเกงยีนส์ปี 2005 มามอบให้ ทำให้การทำงานเรื่องนี้ง่ายขึ้นเยอะ
………………..
………………..
ธันวาคม 51
เดือนนี้เราเร่งปิดเล่มแรก ทว่าหลายอย่างไม่เป็นใจ
Lee นัดโมเดิร์นด็อกไม่ได้
เรามีข้อมูลครบเกือบทุกอย่างแต่ไม่สามารถปิดเล่มได้เพราะ หาคนขึ้นปกไม่ได้
ผมถูกคุณบีผู้ดูแลโปรเจ็คด่าเป็นครั้งแรก
ผมปรึกษาทีมงานและไอ้ยูเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา ยูให้เบอร์ศิลปินแนวๆมามากมายแต่สุดท้ายก็ไม่ได้โทรไป เพราะช่วงนั้นไม่มีใครฮอทพออีกทั้งฝีมือถ่ายภาพของผมยังไม่ถึงขั้นจะถ่ายใครขึ้นปกได้และเราไม่มีงบจ้างช่างภาพ
แล้วพี่เป้กก็ชี้ทางสว่างเสนอให้เราเปลี่ยนเป็น LOVEis เพราะเราวางตลาดเล่มแรกกุมภาพันธุ์ก็เล่นฉบับแห่งความรักมันซะเลย โดยหวังว่าพี่บอย โกสิยพงษ์ และพลพรรค LOVEiS ช่วยให้ 2B เป็นที่รู้จักไม่แพ้พี่ป็อด โป้ง เมธี โดยคอนเน็คชั่นอันแนบแน่นของพี่เป๊กกับพี่บอย โกสิยพงษ์นั้นเป็นประโยชร์ยิ่งในการผูกสัมพันธุ์ทุกอย่างผ่านไปได้โดยง่าย ทว่า นัดทุกอย่างถูกเลื่อนเป็นมกราคมเนื่องจาก ศิลปิน LOVEiS ติดคอนเสิร์ตปีใหม่นั่นทำให้เนื้อหา 2B ช้าลง
ยังไงก็ตามผมหวังว่ามันจะทัน กุมภาพันธุ์
……………………
…………………..
มกราคม 52
ปีใหม่ทุกอย่างเริ่มคืบหน้า แต่ทรายและเอียวขอถอนไปตั้งแต่ปีที่แล้วเนื่องจากเวลาไม่พอ
แม้โมเดิร์นด็อกวงที่จะใช้เป็นปกในเล่มถัดไปยังติดต่อไม่ได้ แต่โชคดีที่ LOVEiS ไฟเขียวอนุมัติให้เราสัมภาษณ์ ผมและทีมงานใช้เวลา 1 สัปดาห์ทำงานแบบห่ามรุ่งหามค่ำ มีอยู่คืนนี้ผมกับจุ๋มรอสัมภาษณ์พี่ป็อดจนถึงเวลา 2 ทุ่ม ที่ร้านอาหารย่านทองหล่อ นี่ถือเป็นโชคดีจากการที่ผูกสัมพันธุ์กับ LOVEis เพราะนั่นทำให้ผมมีโอกาสพูดคุยกับพี่ป็อดเพื่อชวนขึ้นปกในเล่มถัดไป ซึ่งพี่ป็อดก็ไม่ขัดร้อมให้ผมโทรนัดกับทางผู้จัดการส่วนตัวได้เลย
เดือนนี้ค่อนข้างจะไฟลนก้น บางคืนผมนั่งอีดีทงานอยู่เพียงรลำพังจนถึง ห้าทุ่ม พร้อมเขียนโน๊ตแจกแจงงานที่ทุกคนต้องทำในวันรุ่งขึ้น เพื่อที่พรุ่งนี้เช้าผมจะได้ไปดำเนินการสัมภาษณ์และเก็บงานอื่นๆที่คั่งข้างเสร็จ
แต่แล้วเนื้อหาก็เสร็จไม่ทัน เพราะจัดอาร์ตเวิร์คไม่เสร็จและเหตุผลด้านความล่าช้าเรื่องอื่นๆ
ผมถูกด่าเช็ดเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ในฐานะ บรรณาธิการ
หัวขกก้นขวิดมาก ๆ เลยครับแซมตอนนี้หัวจิตหัวใจคงแข็งแรงมากขึ้นไม่น้อยแล้วแน่ ๆสู้เค้าครับเอาใจช่วย
ความสำเร็จไม่ได้ลอยมาง่ายๆเด๋วพี่ไปช่วย … แฮ่ ><"
… ด่าเช็ด … ก็ยังดีกว่าด่าแล้วไม่เช็ด นะเออเอาใจช่วยๆๆ วันหลังมาเอาเรื่องที่พี่เขียนไปลงก็ได้ ไม่ดุละ 555
ถูกด่าคิดซะว่าฝึกความอดทน
มีกูอยู่ในเรื่องด้วย ตื่นเต้นๆ อยากอ่านต่อ
ประสบการณ์คือสิ่งที่ไม่ได้มาง่าย ๆ
^^
คิดถึงงานที่ทูบีเหมือนกันนะแซมนั่งรถผ่าน ก็ยังมองออฟฟิศเก่าของพวกเราขอบคุณแซมมากๆสำหรับทุกๆอย่างนะ
ตอบจุ๋ม : อย่าลืมขอบคุณไอ้ยูด้วยนะตอบแบงค์ : >.<ตอบพี่แอ๋ว : พูดอีกก็ถูกอีกตอบไอ้ยู : ไม่มีมึง ไม่มี 2B แน่นอน ส่วนจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามตอนต่อไปตอบพี่สา : 555+ ทุกวันนี้ผมเจอโหดกว่าที่ 2B อีก เจอคุณธันยวัชร์ ( หนึ่งในคอมเมนท์เตเตอร์รายการ SMEs ตีแตก) ด่า เค้าเป็น บก.เล่มที่ผมทำงานอยู่อันนี้โครตน่ากลัวเลยตอบพี่แอ้ : ช่ายสิเออ 555ตอบพี่เจ เจ : แฮ่คอบโจ้ : ได้โจ้เป็นหน้าม้าไปสัมภาษณ์คนแรกเลยล่ะ 555
ฝึกวิทยายุทธ ต่อไป ไอ้น้อง แล้วเจ้าจะแก่กล้า ในสักวัน..ฮ่อฮ่อ
ไม่รู้เรื่องหรอกนะ…แต่ขออ่านไว้ก่อน
ถึงวันนี้ผมยังไม่ได้อ่านบทสัมภาษณ์นั้นเลย T_T
เพิ่งรู้ว่าเบื้องหลังนิตยสารเล่มนึงมีหลากรสชาติมั่กๆพี่แซมมี่อย่ายอมแพ้ค่า สู้ๆ นะ เมล่อนๆ เอาใจช่วย
สู้ๆๆนะเหมือนหนังสือผจญภัย เพื่อทำหนังสือ เอ๊ะ ชักงง อิอิตามนั้น ตามนั้น
มันคือสิ่งที่ได้เรียนรู้พยายามต่อไป