สรุป 5 บุคคลดังของไทยประจำปี 52
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกต้นปีมักจะมีการการประกาศรางวัลจัดอันดับต่างๆจากหลายองค์กร ทั้งตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทยักษ์ใหญ่ (เพื่ออะไรไม่ทราบ โดยเฉพาะผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ที่เราก็ไม่ได้ เป็นกรรมการบริหาร แต่เราก็ต้องรับรู้มันอยู่ดี)
แถลงผลงานรัฐบาล ประกาศรายได้ของค่ายหนัง ประกาศรางวัลสำคัญๆของคนบันเทิง จัดอันดับเทรนยออดฮิตแห่งปี ประกาศสถิตินู่นนี่นั่นเต็มไปหมด เพื่อเป็นการสรุปการทำงาน เทรน และเหตุการณ์สำคัญๆในปีที่ผ่านมาให้เราๆทั้งหลายได้รับรู้
ฉะนั้นแล้วในฐานะมนุษย์คนนึงที่ยังชอบเสพความบันเทิงและเฝ้าติดตามผลงานของคนดังมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาก็อยากจะร่วมวงไพบูลย์จัดอันดับกับเค้าบ้าง
อย่างช้าเลยเดี๋ยวเปลืองหน้ากระดาษบน MS Word ขอข้ามขั้นตอนการประกาศหน้าตากรรมการ หรือกล่าวขอบคุณผู้สนับสนุน ขอเชิญผู้อ่านทุกท่านเข้าสู่ ‘สรุป 5 บุคคลดังของไทยประจำปี 52’ โดยสถาบัน กานดา อวอร์ด ณ บัดนาวส์
อันดับที่ 5 : น้องหม่อง ทองดี
ภาพปลากรอบ : สัญชาติผมล่ะครับ
น้องหม่อง ทองดี เด็กชายไร้สัญชาติที่สร้างความโด่งดังเพราะความสามารถขอตัวเองล้วนๆด้าน ‘วิศวกกรรมศาตร์ สาขา แอร์โรไดนามิค อิคคิวบัส สเป็คตัม โครโมไซปรัส กันบัสเตอร์สเปเชียล เปเปอร์ แอร์เพลน’ อธิบายสั้นๆคือความสามารถด้านการ ‘พับเครื่องบินกระดาษ’
น้องหม่องใช้ความสามารถด้านนี้ไปแข่งวัดความสามารถจนในที่สุดก็ได้เป็นได้เป็นหนึ่งในตัวแทนเด็กไทยไปชิงชัยพับเครื่องบินกระดาษที่ญี่ปุ่น แต่ก่อนจะไปญี่ปุ่นได้ น้องหม่องยึดหลักว่า เราต้องซ้อมๆๆๆๆ เพราะน้องหม่องเชื่อว่า 1% คือพรสวรรค์เหลืออีก 99% คือการฝึกซ้อม และถือคติการตีลูกต้องตีให้ถึงดวงจันทร์ถึงพลาดก็ยังอยู่ทามกลางดวงดาว
ก่อนวันแข่งขัน ทางครูใหญ่โรงเรียนวัดห้วยทรายและคณาจารย์ทั้งหลายได้เรี่ยไรเงินสำหรับให้น้องหม่องไปแข่ง ทว่ามีปัญหาที่หนักกว่าเรื่องเนคือ น้องหม่องไม่ใช่คนสัญชาติไทย นั่นทำให้น้องหม่องไม่มีหลักฐานสำคัญใดๆเพื่อให้โอกาสน้องหม่องออกนอกประเทศไปแข่งพับกระดาษที่แดนปลาดิบ เท่านั้นแหละทันทีที่สื่อต่างๆเมื่อทราบเรื่อง น้องหม่องก็ถูกประโคมข่าวทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ตู้เย็น หม้อหุ้งข้าว ต่างก็ลงข่าวนี้ แล้วเรื่องก็ไปเข้าหู นายกฯ สุดหล่อจนได้ ในที่สุดน้องหม่องก็ได้พาสปอร์ทไปแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษที่ญี่ปุ่นสมใจ พร้อมคว้าอันดับ 3 ประเภทเดียวอายุไม่เกิน 2 ปี และนำทีมไทยคว้าแชมป์ประเภททีมได้ด้วย เก่งชิมิ๊ล่า
และทันทีที่กลับเมืองไทย น้องหม่องต่างก็ได้รับการแต่งตั้งและตบรางวัล กระทรวงวิทยฯ จะให้ทุนเรียนต่อจนถึงปริญญาเอก แต่ติดตรงที่ว่า น้องหม่องยังไม่ได้สัญชาติไทย เชื่อว่ารางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่าการคว้าแชมป์พับเครื่องบินกระดาษที่น้องหม่องอยากได้คือ การได้รับสัญชาติไทย
จนถึงบัดนี้ใครรู้บ้างว่าน้องหม่องได้สัญชาติไทยหรือยังครับ?
อันดับที่ 4 : เคอิโงะ ซาโต้
ภาพปลากรอบ : มองหาพ่อผมเหรอครับ
ถ้าผู้อ่านไม่เป็นปลาทอง คาดว่า คงจะจำเด็กนักเรียนชายลูกครึ่งไทย – ญี่ปุ่น (ที่ไม่มีดินแดง) ชาวพิจิตรที่ช่วยป้าขายของที่วัดท่าหลวง ในวันหยุดพร้อมถือรูปชายชาวญี่ปุ่นคนนึงที่เป็นพ่อของเค้า และยามใดที่มีทัวร์ชาวเอเชียมาลงหน้าวัด น้องอิเคโงะก็จะเดินไปขายของพร้อมกับถือรูปไปด้วย คนที่สงสัยก็มักจะมองมาที่น้องอิเคโงะและรูปถ่ายพ่อของเค้า จังหวะนั้นน้องอิเคโงะก็จะใช้ประโยคที่พร่ำถามทุกคนที่สงสัยว่า “มองหาพ่อผมเหรอครับ?”
เอ่อผมหมายถึง “มองรูปนี้แล้วเคยเห็นหน้าพ่อผมเหรอครับ คุ้นไหมครับ ถ้าเคยเห็นช่วยไปบอกพ่อผมให้หน่อยนะครับว่าผมตามหาพ่ออยู่ ?”
เหตุที่น้องเค้าไม่ถามว่า “รู้ไหมผมลูกใคร” นั่นเพราะประโยคนี้ถูกสงวนให้เฉพาะลูกผู้มีอิทธิพลเท่านั้นเพราะพวกเค้ามักไม่รู้ว่าพ่อตัวเองเป็นใคร และชอบถามหาพ่อในผับเสมอๆ
น้องเคอิโงะตามหาพ่ออยู่นานจนกระทั่ง หนังสือพิมพ์เล่มนึงก็เอาข่าวน้องเคอิโงะไปลง เท่านั้นแหละแน่นอนว่าสื่อต่างๆตั้งแต่ โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต ตู้เย็น หม้อหุ้งข้าว เออ…….เล่นไปแล้วนี่หว่า – อายจัง (อายแบบญี่ปุ่นด้วย)
เอาใหม่สื่อทั้งหลาย ต่างก็ช่วยประโคมข่าวน้องเคอิโงะหาพ่อ ทุกวันๆ จนสื่อญี่ปุ่นเอาไปพูดถึง ไม่นานหลังจากนั้น น้องเคอิโงะก็ได้เจอพ่อสมใจคนที่เชียร์ทั้งประเทศ
หลังจากวันที่เจอพ่อ ชีวิตน้องเคอิโงะก็เปลี่ยนทันที จากเดิมที่เป็นนักเรียนธรรมดาๆ ที่ตามหาพ่อคนนึง อัพเกรดตัวเองให้สามารถมีอัตชีวประวัติบรรจุอยู่ใน วิกีพีเดียร์ อัพเกรดสเตตัสเพิ่มจากนักเรียนเฉยๆ ก็มีคำว่า นักร้องเพิ่มมาด้วย ( หลักฐานประกอบ)
ภาพปลากรอบ : เคอิโงะเป็นนักร้องนะเฟ้ย
น้องเค้าได้ออกอัลบั้มกับค่ายอะไรซักอย่าง มีผลงานเพลงพร้อม MV 2 เพลงถ้วนคือ “พ่อจ๋าอยู่ไหน” และ “หมวยแพนด้า” มีการเอาชีวิตน้องเค้าไปเขียนเป็นการ์ตูนสร้างแรงบันดาลใจความกตัญญูให้น้องๆหนูๆได้ทำตาม
ล่าสุด ค่ายหนังเห็นหนึ่งเตรียมสร้างภาพยนต์ชีวิตของน้องเคอิโงะ ซึ่งคาดว่าเราจะได้ดุกันเร็วๆนี้ อย่างน้อยก็น่าจะได้ดูก่อน The Prince of Red Shoe
อันดับที่ 3 : หลินปิง
ภาพปลากรอบ : พ่อหนูคือสรยุทธชิมิ๊ค่ะ
อันดับ 3 ตกเป็นของ เด็กเหนืออีกแล้ว คราวนี้เป็น น้องคนนี้เป็น เอ่อ….ขอเปลี่ยนสรรพนามใหม่ น้องหมีนี้เป็นหมีดังประจำเชียงใหม่ คาดว่าจะโด่งดังไปทั่วไทยเลยก็คงได้ เธอคือ ‘หลินปิง’ ลูกสาวของ ช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย สองแพนด้าอิมพอร์ทจากเมืองจีน (ที่รัฐบาลไทยเช่ามา)
ความโด่งดังคงไม่ต้องสงสัย เพราะจากสถาบันวิจัยธัญบุรี รีเสิร์ทชิ่ง รายงานว่าประเทศไทยจะดังได้นอกจากสวย รวย หล่อ แล้วต้องแปลก เด่น และไม่เคยมีมาก่อน การถือกำเนิดของแพนด้าน้อยบนแผ่นดินไทยจึงไม่แปลกเลยที่คนไทยจะรับรู้เรื่องราวของน้องหมวยหลินปิงแทบจะทุกวินาที ที่สำคัญน้องเค้ายังมีชื่อในวิกิพีเดียร์เหมือนน้องเคอิโงะด้วยน้า
ก่อนหน้าที่น้องหลินปิงจะคลอดสัตวแพทย์ชาวไทยต่างก็ลุ้นให้ พ่อช่วงช่วงและแม่หลินฮุ่ย ‘โซเดมาคอม’ กันอยู่นานสองนานสามนาน จนจู่ๆวันหนึ่งหลินฮุ่ยก็ทองจนได้ อย่าถามว่าท้องได้ไง หลินฮุ่ยไม่ได้ท้องกับเสือข้างกรงตามที่เคยมีข่าวลือมาจนเป็นที่สงสัยของประชาชนทั่วประเทศแน่นอน
วันที่ 27 พฤษภาคม 2552 คือวันที่แพนด้าน้อยไร้ชื่อลืมตาดุโลก ทางสวนสัตว์กลัวว่าหากไม่ตั้งชื่อจะไม่สามารถให้สัญชาติกับน้องแพนด้าน้อยได้ จึงจัดเคมเปญโหวตตั้งชื่อให้หลินปิง มีคนส่งชื่อมาเป็นช้อยส์จากทั่วประเทศนับร้อยชื่อสุดท้ายมีชื่อที่เข้าตาคือ ขวัญไทย , หญิงหญิง , ไทยจีนและ หลินปิง
น้องแพนด้าไร้ชื่อที้องอยู่ในตู้อบของสวนสัตว์ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไรไรกระทั่งจากไปรษณีย์บัตรกว่า 20 ล้านแผ่นก็ได้ข้อสรุปว่าน้องเค้าชื่อ หลินปิง วู้ยะฮู้ แต่อยากถามว่าจนถึงวันนี้ หลินปิงมันจะรู้ไหมว่ามันชื่อหลินปิง
การมาของแพนด้าน้อยทำให้เกิดกระแสแพนด้าฟีเวอร์ ทั่วทุกหัวระแหงไปที่ไหนก็มีแต่แพนด้า แพนด้า และ แพนด้า เพลงของน้องเคอิโงะก็มีเพลงแพนด้า หนังก็มีหนังแพนด้า (แพนด้าเพื่อนรัก – ไม่ใช่หนังไทยนะจ๊ะ) เพลงหมีแพนด้าก็ฮิตอีกรอบแม้จะไม่กระช่อนเท่าช่วงแรก จนเป็นที่น้อยใจแก่สัตว์บางชนิดอย่าง ช้าง หมา วัว ควาย และ เขวี้ย บางตัวงอนหนักน้อยใจประกาศจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับแพนด้าไปชั่วชีวิต บางตัวต่อต้านไม่ได้ก็เข้าร่วมปรับโฉมตัวเองเป็นแพนด้าซะเลย
ภาพปลากรอบ : พวกกูคือตัวอะไร
ที่เจ๋งกว่านั้นและคาดว่าไม่มีที่ไหนในโลกคือการมาจุติ Panda Channel บนบรรณภพที่สร้างความตื่นตะลึงไปตามวงการเรียลลิตี้ทั่วโลก ช่องแพนด้าฯ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าช่องของอะไร คงไม่ใช่จับตาดุฝูงฮิปโปตลอด 24 ชั่มโมงแน่ๆ ช่องนี้คือช่องของครอบครัวแพนด้าที่สามารถให้คนไทยทุกคนที่มีจานดาวเทียมสีแดงๆ สามารถติดตามทุกพฤติกรรมของแพนด้าน้อยและมามี๊ของมันได้ทุกวินาที ให้ตายสิ สุดยอดไปเลย
อันดับที่ 2 : ไทเกอร์ วู้ดด์
ภาพปลากรอบ : บอกแล้วไม่เชื่อว่าพี่เสือมีเชื้อชายไทย
แม้พี่เสือ ไทเกอร์ วู้ดส์ จะเคยตอกหน้าคนไทยด้วยการบอกปฏิเสธสัญชาติไทยในวันที่รัฐบาลไทยชุดนึง เคยประกาศจะมอบสัญชาติให้เล่นเอาหน้าแตก หน้าแหกไปตามๆกัน แต่ณ ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าจะเอาใครที่ประเด็นอิมแพ็คมาจัดอันดับ ก็เลยขอเอาพี่เสือมาติดเป็นอันดับ 2 แล้วกันในฐานะที่ที่มีชื่อนำหน้าว่า ‘ไท’ และแกชื่อเล่นว่า ‘ต้น’
หลายคนทราบกันดีว่าช่วงปลายปีที่แล้ว ที่เสือแกมีข่าวว่าแอบไปมีกิ๊กถึง 19 คน!! โอ้วเห็นแล้วต้องบอกเลยว่านี่พี่เสือได้เลือดของขุนแผนมาจริงๆนั่นแหละ
วิบากกรมครั้งนั้นทำให้พี่เสือถูก ‘เอริน นอริเกรด’ ภรรยาถูกต้องตามกฎหมายจับได้ว่าแกมีกิ๊ก คนเดียวก็แถบบ้าแต่นี่มีถึง 19 คน (The Sun แท็ปลอยด์จอมเต้าข่าว บอกมา ยังไงลองไปบวกลบคูณหารเอาเอง) คนแรกที่เมียแกจับได้คือสาวทรงสะบึ้มนาม ราเชล อูชิเทล ภรรยาแกจับได้เนื่องจากบังเอิญไปเปิดเจอ แมสเสจที่พี่เสือส่งไปหาราเชลว่า “ คุณคือคนเดียวที่ผมรัก”
บระเจ้าโจ๊ค!! สามีตัวเองพูดกับสาวอื่นแล้วใครจะทนไหวมิทราบ เธอเอาไม้กอล์ฟเหล็ก 9 ไล่หวดไทเกอร์ จนต้องขับรถหนีออกมาจากบ้านและเกิดอุบัติเหตุที่หน้าบ้านตัวเองจนเป็นข่าวครึกโครม และตามด้วยการขุดคุ้ยว่าเพราะเหตุใดทำไมพี่เสือขับรถชนจุดต่อน้ำดับเพลิง ก่อนจะสาวไปจนได้ข่าวข่าวฉาวที่เรารู้ๆกัน
จนในที่สุด ภรรยาพี่เสือก็ตัดสินใจฟ้องหย่า ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการณ์ ส่วนพี่เสือก็คอตก งดออกสื่อ งดแข่งกอล์ฟ และเข้าสถานบำบัดเซ็กส์ไปตามระเบียบ ล่าสุด มีรายงานว่า นอริเกรน ไปเยี่ยมพี่เสือที่สถาบำบัด และคาดว่าทั้งคู่อาจจะคืนดีกัน
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีกิ๊กอย่าทิ้งโทรศัพท์ไว้
อันดับที่ 1 : นาทาน โอมาร
ภาพปลากรอบ : ภาพยนต์ในตำนานที่ทุกคนรอคอย
สำหรับวีรกรรมและวีรเวร (ส่วน วีระ มุกสิกะพงษ์ ไม่เกี่ยว) ของชาย (หรือเปล่าวะ)คนนี้ คงไม่ต้องบอกกล่าวอะไรให้ยืดยาวอีกแล้ว เอาเป็นว่าความโด่งดังของเค้าทำให้กระทู้ห้องเฉลิมไทย ณ Pantip คึกคักแทบแตก ช่วงนึงที่เปิดเว็บเข้ามาผมแทบบตะลึงเพราะมีแต่กระทู้นาทาน นาทาน นาทาน นาทาน และ นาทาน เรียงเป็นตับเป็นไต ไม่น่าเชื่อครับว่าคนๆนี้ช่างสมกับเป็นซูปเปอร์สตาร์จริงๆ เรื่องของเค้ามีการกล่าวถึงถึงทุกวัน ทุกวันจริงๆ สมแล้วครับที่ฮอลลิวูดส์ถึงกับจ้างเค้าไปเป็นตัวเอกในเรื่อง The Prince of Red Shoe
อย่างไรก็ตามพวกเราฝากไปบอกนาทานว่า พวกเรายังคงตั้งหน้าตั้งตารอชม The Prince of Red Shoe อยู่นะครับ
เอ้า เชี้ย!!!
เอ้ย เชียร์!!!
ขอขอบคุณสถาบัน กานดา อวอร์ด & รีเสิร์ทชิ่ง กับผลการจัดอันดับในครั้งนี้
ฮ๋าฮ่า..จิกไม่ปล่อยเจงๆนะ..โดนกะเค้าด้วย ไอ้ขอทาน โอ้มาร
555555
เข้ามาฮาเหมือนกัน 55+
ตรบมือให้ กานดา อวอร์ด นายเขียนได้สุดยอดค่ะ
โว้ว … นายเจ๋ง อ่า รอซม The Prince of Red Shoe อยู่น๊า…เอารองเท้าคู่ไหนไปดี ><
ตลกอ่ะแซม
——– >>>> จะให้ทุนเรียนต่อจนถึงปริญญาเอก แต่ติดตรงที่ว่า "น้องม่อง" ยังไม่ได้สัญชาติไทย ผิดตรงนี้จุดเดียว สามารถฮาได้กลบทั้งเอ็นทรี่ ..แกล้งพิมพ์ผิดใช่มิ?จาก ประธานกรรมการพิสูจน์อักษร
ปล. เธอๆ น้อง "อิเคโงะ" กะ "เคอิโงะ" เนี่ย .. เป็นภาคอวตารของกันและกันหรอ? ฮ่าๆๆ
อันดับ 1 นี่มันเหอะๆๆ โปสเตอร์ก็ช่างคิดดีแท้ เหอะๆๆ
ขอขอบคุณสถาบัน กานดา อวอร์ด & รีเสิร์ทชิ่ง กับผลการจัดอันดับในครั้งนี้55555555….แบบมีสาระ…แสบ ๆ คัน ๆ
เห็นอันดับหนึ่งแล้วคันเท้าสุด ๆ
อย่าว่าเขาเลย พี่ก็ยังเปิดดูแพนด้าแชลเนลอยู่เลยสำหรับเคอิโงะ พี่ดูแล้วไม่เห็นว่าพ่อเขาะจะยินดียินร้ายกับการมาเจอสักเท่าไรเลย
น้องปิงน่าร๊ากกกกกกกก
เหอๆๆ ..บุคคลดังๆทั้งน๊านนน จิงๆๆ
โอ้่ว นั่นมันการค้นพบสัตว์ผสมข้ามสายพันธุ์ใหม่รึป่าวจระเข้แพนด้าอ้าอ้าอ้า!!!!
รำคาณแพนด้าสุด รองลงมาเคอิโงะ ตลกดีสื่อไทย
พี่ชอบจระด้า กับ สุด้า แมด้า ห้าๆแต่พี่ไทเกอร์เนี่ยกิ๊กแกสวยๆทั้งน้าน
ดีดี พิมพ์ผิดเยอะไปหน่อย แต่ฮาจริง
แจ่มแมว
ว้าย อย่าว่าหลินปิงน้าเค้าชอบ
ในเฟซบุ๊คมี page ของสมาคมผู้รำคาญแพนด้าแห่งประเทศไทยด้วยล่ะ
โพลสำนักไหนเนี่ย ฮามากชอบรูปหมาแพนดี้น่ารักดี
โหวดอันดับสามค่ะ แจกกิ๊ฟๆๆๆๆ ฮ่าฮ่าชอบภาพประกอบสุดแรงเลยค่ะ
ทั้งนี้ “หลินปิง” ที่ออกมาโชว์ตัวนั้น ได้แสดงท่าทางซุกซนตามวัย ทั้งการพยายามปีนป่าย การกัดแทะไผ่แครอท ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าชมอย่างมากจนต่างส่งเสียง ร้องฮือฮาออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องคอยแจ้งเตือนเป็นระยะให้ระวังการใช้เสียงดัง เพราะเกรงว่า “หลินปิง” จะเกิดความตื่นตระหนกตกใจ ขณะที่ “ช่วงช่วง” พ่อหมีแพนด้า ที่อยู่ในส่วนจัดแสดงติดกัน ได้แสดงท่าทีสนใจ “หลินปิง” เช่นกัน โดยพยายามเดินเข้ามาใกล้บริเวณกรงที่กั้นไว้เพื่อสังเกตและดมกลิ่น แต่ไม่ได้มีอาการหงุดหงิดแต่อย่างใด